top of page

อุทยานธรรมวัดบ้านไร่

คติธรรม-คำสอนของหลวงพ่อคูณ มีมากมายที่ถ่ายทอดให้ศิษย์และสาธุชนได้รับทราบกันตลอด ย่อมแสดงถึงบุญบารมีของหลวงพ่อคูณ ที่ได้ใช้ทั้งความอดทน วิริยะอุตสาหะในการบำเพ็ญเพียร ยึดถือพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด การสร้างสมคุณงามความดี ยึดมั่นในหลักธรรมคำสอน ปฏิบัติตนสำรวมในจริยาวัตร ตั้งมั่นตามรอยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การบำเพ็ญทานบารมีด้วยการบริจาคให้บุคคล สังคม ชุมชนโดยไม่แบ่งชั้นวรรณะไม่เลือกสถานที่ เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ จึงเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของลูกศิษย์และสาธุชนทั่วไปและบุคคลสำคัญทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศพากันมากราบไหว้และทำกุศลดันไม่ได้ขาดในแต่ละวัน เป็นเหตุให้ทีมงานศิษย์ยานุศิษย์ร่วมกันคิดเพื่อสร้างสิ่งเป็นที่ระลึกถึงคุณงามความดีต่อปฏิปทาของหลวงพ่อคูณ โครงการอุทยานธรรมวัดบ้านไร่ วิหารเทพวิทยาคม จึงปรากฏเป็นรูปธรรมด้วยแรงศรัทธาต่อหลวงพ่อคูณและจะคงอยู่เช่นนี้ตลอดไป ขอให้พี่น้อง ชาวไทย ละชั่วทำดี มีศีลธรรม ประจำใจ เมื่อถึงเวลาดับจิต ผลดีที่ทำเอาไว้ จะได้ติดตามไปสู่สุขติ รักตัวของตัวเอง อย่าทำตามความชั่วร้าย ให้มากนัก หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ “ถ้า กู ไม่ทำ แล้วใครจะทำ”

อุทยานธรรมวัดบ้านไร่

เมื่อครั้งที่ หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ได้ตัดสินใจที่จะอุปสมบท ท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าจะช่วยเหลือคนให้พ้นทุกข์ และถ้ามีเงินทอง ก็จะบริจาคให้หมด ตลอดชีวิตสมณเพศจนถึงปัจจุบัน หลวงพ่อคูณได้ยึดถือปณิธานนี้มาโดยตลอด หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ยึดถือเรื่องบริจาคทาน สมถะ และสันโดษมาตลอดชีวิต การครองสมณเพศ แม้เมื่อเป็นพระเกจิคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ก็ยังดำเนินชีวิตอย่างสมถะ ละไม่ยึดติดในลาภยศสรรเสริญ มีวัตรปฏิบัติที่เป็นไปอย่างเรียบง่าย หลวงพ่อคูณได้พัฒนาวัดและชุมชนวัดบ้านไร่ โดยเริ่มจากการลงมือทำทุกอย่างด้วยตนเองเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับชาวบ้าน ทั้งขุดสระน้ำ สร้างโบสถ์ สร้างโรงเรียน สร้างโรงพยาบาล เป็นต้น ความเจริญต่างๆ ของวัดบ้านไร่ ชุมชนบ้านไร่และอำเภอด่านขุนทด ที่ปรากฏให้เห็นทุกวันนี้ มาจากหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ภิกษุสมถะแห่งดินแดนอีสาน ผู้บำเพ็ญทานอันยิ่งใหญ่ และด้วยแรงศรัทธามาจากมหาชนและเหล่าศิษย์ยานุศิษย์ที่มีต่อบารมีทานของ หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสนับสนุนและร่วมสร้างปณิธานของหลวงพ่อคูณ ในการพัฒนาวัดบ้านไร่ และพัฒนาอำเภอด่านขุนทดให้มีความเจริญก้าวหน้า และเป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญแห่งหนึ่ง วัดบ้านไร่ สู่การพัฒนาเป็นอุทยานธรรม วัดบ้านไร่ เดิมเป็นสำนักสงฆ์ที่มีมาตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๓๖ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยมีพระอาจารย์เชื่อม วิรโช เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ได้มีการสร้างศาสนาสถานต่างๆ ขึ้นตามสมควร จนกระทั่งหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ได้ธุดงค์กลับจากจากประเทศเขมรสู่ประเทศไทย กลับบ้านเกิดวัดบ้านไร่ หลวงพ่อคูณได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างถาวรวัตถุทางพระพุทธศาสนา โดยเริ่มสร้างอุโบสถเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๖

“ถ้า กู ไม่ทำ แล้วใครจะทำ”

เป็นคำพูดของหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ที่แสดงถึงความตั้งใจในการพัฒนาวัดบ้านไร่ ซึ่งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา วัดบ้านไร่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ด้วยเมตตาบารมีของหลวงพ่อคูณ ด้วยความร่วมมือและแรงศรัทธาจากศิษย์ยานุศิษย์ เพื่อเป็นการสืบสานบุญบารมีและทานบารมี รวมถึงธรรมะและคำสอนของหลวงพ่อคูณให้สถิตสถาพรไว้บนแผ่นดินไทยสืบไปชั่วกาลนาน บรรดาศิษย์ยานุศิษย์จึงได้ริเริ่ม “โครงการอุทยานธรรม วัดบ้านไร่” ขึ้น เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์อันยิ่งใหญ่ดังกล่าว การพัฒนาวัดบ้านไร่ให้เป็น “อุทยานธรรม”ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๒ โดยการสำรวจและออกแบบวางผังแม่บทเพื่อพัฒนาบริเวณวัดบ้านไร่ทั้งหมด และเริ่มต้นดำเนินโครงการในระยะแรกด้วยการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ซึ่งได้ดำเนินการสำเร็จลุล่วง โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นประธานในพิธีเปิดเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๒ พ.ศ.๒๕๕๓ โครงการอุทยานธรรม วัดบ้านไร่ ระยะที่ ๒ ได้ดำเนินการก่อสร้างศาลาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี (ศาลาปริสุทธรรม) ศาลาปริสุทธาร (ศาลาน้ำมนต์) อาคารห้องน้ำแบบพิเศษ ๑๐ ห้อง สวนป่าเพื่อปฏิบัติธรรม รวมทั้งหอผลิตน้ำประปาเพื่อเป็นน้ำดื่มและน้ำใช้ภายวัดบ้านไร่ และใน พ.ศ.๒๕๕๔ โครงการอุทยานธรรม วัดบ้านไร่ ระยะที่ ๓ ได้กำหนดให้มีการออกแบบและก่อสร้างวิหารเทพวิทยาคม (อาคารปริสุทธปัญญา) “เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในพระราชพีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔” และเพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ธรรมะและเกียรติคุณของหลวงพ่อคูณ และเพื่อเป็นที่จาริกแสวงบุญให้ก่อเกิดเป็นประโยชน์แก่พุทธศาสนิกชนทั่วไป

พิพิธภัณฑ์  หลวงพ่อคูณ  ปริสุทฺโธ

อนุสรณ์สถานแห่งศรัทธาและบารมีทานอันยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสอายุครบ ๗ รอบของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๐ คณะศิษย์ยานุศิษย์และสาธุชนที่เคารพศรัทธาหลวงพ่อคูณได้ดำริที่จะสร้างพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งศรัทธาและบารมีทาน อันยิ่งใหญ่ของพระเทพวิทยาคม ภิกษุผู้บริสุทธิ์แห่งด่านขุนทด สืบสานบารมีทานอันยิ่งใหญ่ให้แผ่ไพศาลไปทั่วหล้าและคงอยู่ตราบนานเท่านาน พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ตั้งอยู่ที่ศาลาการเปรียญหลังเก่าของวัดบ้านไร่ และเดิมเป็นที่จำวัดของหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๘ แล้วเสร็จ เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๒ เป็นสถานที่ซึ่งหลวงพ่อคูณเคยจำวัดและพบปะสนทนาธรรมกับประชาชนผู้ที่เคารพและศรัทธาในบารมีของหลวงพ่อคูณ ซึ่งปัจจุบันได้ปรับปรุงอาคารและภูมิทัศน์บริเวณโดยรอบให้เป็น “พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ” ระยะเวลาในการดำเนินการก่อสร้างและจัดสร้างงานจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์อยู่ในระหว่างเดือน พฤษภาคม-กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒ พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ นำเสนอเรื่องราวชีวประวัติของหลวงพ่อคูณ ตั้งแต่วัยเยาว์การอุปสมบทเป็นพระภิกษุ วัตรปฏิบัติในสมณเพศที่ถือสันโดษและเป็นนักพัฒนา แรงศรัทธามหาชนที่มีต่อหลวงพ่อคูณ รวมทั้งการบริจาคทานจำนวนมหาศาล เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ให้แก่ประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศและบางส่วนในต่างประเทศ การจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ได้สะท้อนเรื่องราวต่างๆ ของหลวงพ่อคูณผ่านจิตรกรรมที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อบอกเล่าภาพชีวิตในอดีต สิ่งของ เครื่องใช้ อัฐบริขารและเครื่องใช้จำเป็นแก่พระภิกษุสงฆ์ภาพเสมือนจริงที่จำลองบรรยากาศการออกธุดงค์ของหลวงพ่อคูณเพื่อแสดงให้เห็นถึงบารมีธรรมอันยิ่งใหญ่ ประติมากรรมที่สื่อถึงผลบุญของการให้ทานอันเป็นวัตรปฏิบัติสำคัญของหลวงพ่อ และมหาทานอันยิ่งใหญ่ของหลวงพ่อคูณ ที่ได้รับบริจาคเงินจำนวนมหาศาลเพื่อสาธารณประโยชน์ รวมทั้งหนังสือแสดงเจตนาของหลวงพ่อคูณซึ่งได้บริจาคร่างกายเพื่อเป็นประโยชน์ในการศึกษาในวาระที่ท่านละสังขารแล้ว แสดงให้เห็นถึงความแน่วแน่ในวิถีสันโดษอันเป็นวัตรปฏิบัติที่หลวงพ่อคูณได้ยึดถือมาตลอด “กู อยากทำงานช่วยชาติ บ้านเมืองให้เจริญ”

DSC06328.JPG

กู อยากทำงานช่วยชาติ
บ้านเมืองให้เจริญ”

อนุสรณ์สถานแห่งศรัทธาและบารมีทานอันยิ่งใหญ่

bottom of page